ตุ้ม ปริญญา เปิดตัวแฟนรุ่นน้อง ชีวิตคู่ 13 ปีฝ่าทุกมรสุม

ต้องบอกเลยว่าเป็นนักมวยสาวสวยในตำนานที่ยังเป๊ะไม่เปลี่ยน สำหรับ ตุ้ม ปริญญา ที่ล่าสุด เจ้าตัวได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการคุยแซ่บ Show พร้อมกับควงหนุ่มหล่อรุ่นน้องออกมาเปิดตัวความรัก 13 ปี ที่ฝ่าฟันพิสูจน์รักแท้กันมาหลังฝ่ายชายหวิดพิการเดินไม่ได้ตลอดชีวิต

รู้จักกันมา 13 ปี แต่ย้อนไปมีการเจอกันมากกว่านั้น ?

ตุ้ม : 13 เริ่มคบกัน แต่รู้จักกันน่าจะ 20 ปีได้ที่ค่ายแฟร์เท็กซ์ เพราะเราสองคนเป็นนักมวยอยู่ในค่ายแฟร์เท็กซ์ เห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ

แต่ตอนนั้นเหมือนเป็นมวยนอกสายตา ไม่ได้มอง เขาจะไปโรงเรียน็เดินมา เอื้อยหวัดดีครับ เอื้อยภาษาอีสานแปลว่าพี่

ตอนนั้นเขาเด็กมากนะตัวเท่าแข้งเท่าขาเอง คือตุ้มตัวใหญ่แล้วเขาก็ตัวเล็ก ตอนนี้เขาก็ยังโตไม่ทันตุ้มอยู่ดี

เก่ง : ประมาณ 12 ขวบ

คุณเก่งมองคุณตุ้มเป็นยังไงบ้าง ?

เก่ง : ผมเห็นเขาเป็นไอดอล นักมวยรุ่นพี่ที่เก่ง ชอบ ชื่นชมเขา

จุดเปลี่ยนตอนไหนที่มาเป็นคู่รักกัน ?

ตุ้ม : ตอนนั้นตุ้มกลับมาชกมวยอีกครั้ง เขาก็โตเป็นหนุ่มแล้ว แต่ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็จะชมอยู่ตลอดเวลาว่า

เก่ง : เอื้อยคืองามแท้ พี่เขาสวย เราก็ต้องชม ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรยังเด็กอยู่

ใครเริ่มจีบใครก่อน ?

เก่ง : ต้องเป็นผมหละครับ ช่วงนั้นเราชมเขาไม่ได้คิดอะไร พักหลังเริ่มชอบแล้ว เริ่มอยากรู้จักมากขึ้น อยากทำความรู้จักกับพี่เค้า คุยกับพี่เขามากขึ้น

ทำไมอยากเริ่มคุย อยากรู้จัก ประทับใจอะไรในตัวพี่ตุ้ม ?

เก่ง : ความผูกพันธ์ครับ

ตุ้ม : เพราะว่าเราซ้อมมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก แล้วตอนที่ตุ้มกลับมาชกมวยอีกครั้ง บังเอิญค่ายแฟร์เท็กซ์ย้ายนักมวยไปที่พัทยา

ที่ค่ายแฟร์เท็กซ์บางพลีจะเหลือแค่เก่งกับนักมวยรุ่นน้องอีกคนนึง แต่ตุ้มสนิทกับเก่งเพราะฉะนั้นตุ้มก็ไม่มีคู่ซ้อมก็ต้องซ้อมกับเขาโดยปริยาย

ตื่นเช้ามาเขาก็จะมาเคาะห้อง พาไปวิ่ง บางวันหน้าฝนฝนตกเราก็ต้องไปหลบฝนใต้สะพาน

แล้วไปละลายตอนไหนเพราะเราเห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ ?

ตุ้ม : เขาเอาใจทุกอย่าง เป็นคู่ซ้อม ซ้อมมวยเสร็จพาไปกินข้าว อยากได้อะไรเขาก็พาไปซื้อพาไปช็อป ก็เริ่มชอบตั้งแต่เป็นคู่ซ้อมกันนั่นแหละ

ห่างกันกี่ปี ?

ตุ้ม : ตุ้ม 43 เขา 30 ห่างกัน 13 ปี

มีปัญหามั้ยเรื่องอายุที่ห่างกัน ?

ตุ้ม : ช่วงแรกๆก็ต้องมีอยู่แล้ว ตุ้มว่าทุกคู่พอคบกันใหม่ๆแรกอาจจะมีความสุขอาจจะหวาน แต่พอเริ่มอยู่ด้วยกันมันก็จะมีบ้าง

ที่เราอาจจะต้องปรับตัวอะไรหลายๆอย่าง ด้วยความที่เขายังเด็กก่อนหน้านี้เขาไปโรงเรียนก็มีเด็กมาติดบ้าง

เป็นนักมวยไงด้วยความกำยำกล้ามเนื้อกำลังแน่นก็ต้องมีบ้างที่คนมาติด

นอกลู่นอกทางไปนานมั้ยกว่าจะกลับมา ?

ตุ้ม : ก็พักนึงนะจนตุ้มก็ท้อก็เลยตัดเลย บล็อกเฟส บล็อกเบอร์ บล็อกไลน์ ไม่ไหวแล้ว ถ้าอยู่แล้วทุกข์มากกว่าสุขก็ตัดดีกว่า

เก่ง : พอคิดได้ก็โทรมาง้อ ร้องไห้ ตามมาง้อเขาขอคืนดี

ตอนที่เขาให้โอกาสเราอีกครั้งรู้สึกยังไง ?

เก่ง : ดีใจครับ ดีใจมาก ตั้งแต่นั้นมาเราก็เปลี่ยน พิสูจน์ว่าเราทำได้ซื่อสัตย์กับเขา

ตุ้ม : เขาก็เริ่มตัดผู้หญิงทีละคนๆออกไป

อะไรที่เห็นพี่ตุ้มแตกต่างจากคนอื่นจนตัดสินใจคบกันพี่เขาเป็นคู่รัก ?

เก่ง : เขาซื่อสัตย์ ไม่เที่ยวกลางคืนทำแต่งาน ถึงเวลาก็มาดูแลเอาใจใส่ให้กำลังใจเรา ผมรักเขา ชอบเขาครับ

ด้วยอายุที่ห่างกันมีคนแซวมั้ยว่ากินเด็กนะ เรากินคนโตกว่านะ ?

ตุ้ม : ตุ้มก็จะบอกว่าไม่จริง เด็กกินตุ้ม เด็กปีนเกลียว เรามวยรุ่นพี่จะให้เด็กมาสอนมวยรุ่นพี่ได้ยังไง เด็กเมื่อวานซืน

มีเสียงเม้าท์ว่าคุณจะเข้าไปหลอกปลอกลอกเขาหรือเปล่าเพราะตอนนั้นคุณตุ้มค่อนข้างมีชื่อเสียง ?

ตุ้ม : มีแน่นอน คำนี้แม่ตุ้มเป็นคนพูดกับตุ้มเอง ตอนแรกๆที่เราคบกันทางครอบครัวเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ทางคุณพ่อ เขาก็อยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์มีลูก

ส่วนทางแม่ตุ้มมันยังเด็กอยู่ เดี๋ยววันนึงมันก็ต้องไปมีลูกไปมีเมีย เราก็มาคุยกันสองคน ว่ามันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน เราสองคนจะรู้กันเองดีที่สุดลองพิสูจน์ดูมั้ย

เอาความสำเร็จชนะใจของครอบครัวทั้งสองฝ่าย เราก็เริ่มสร้างตัวทำให้ทางครอบครัวเขาเห็น ครอบครัวตุ้มเห็นว่าขณะที่เราอยู่ด้วยกันไม่เคยนอกลู่นอกทางนะ

เราเป็นนักมวยด้วยกันเรามีแต่พากันซ้อมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แล้วก็ค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัว

คนรักกันต้องดูกันตอนเจ็บป่วย ?

ตุ้ม : คู่เราผ่านอะไรมาเยอะมากจริงๆ เริ่มแรกตุ้มป่วยก่อนคือไปทำงานที่ฟิลิปปินส์แล้วก็ไปปวดท้อง เพิ่งมารู้ทีหลังว่าปวดไส้ติ่งกำลังจะแตก

แต่เขาไปเอายาเหมือนยาธาตุน้ำขาวมาให้กินแล้วก็เอาหมอมาเฝ้าที่โรงแรม ตุ้มก็บอกว่าต้องขอกลับก่อนเพราะเรื่องภาษาอะไรด้วย

นอนปวดหนักมากจนไม่รู้จะทำยังไง ถอดเอาพระที่ห้อยอยู่เอามาอธิษฐานว่าหลวงพ่อถ้าหนูจะเป็นอะไรกลับไปเป็นที่บ้านเรานะ

ทนอยู่นานมั้ย ?

ตุ้ม : 2 วันนะ ยังไปสอนมวยที่ฟิลิปปินส์อยู่

ตอนนั้นที่ฟิลิปปินส์เขาวินิจฉัยว่าเป็นอะไร ?

ตุ้ม : ก็ปวดท้องปกติธรรมดาทั่วไป แต่พอกลับมาเมืองไทยมาแตกที่เมืองไทยจริงๆ คืนนั้นอยู่ด้วยกันตุ้มลุกไปเข้าห้องน้ำพอจะล้มตัวลงนอนข้างในรู้สึกมันตึ้บ

เหมือนลมปราณมันแตกซ่านยังไงไม่รู้ มันชาออกมือ ชาลงเท้า มือหงิก เท้าหงิก ตะคริวกินหมด ปากเขียว ก็เรียกรถฉุกเฉินมา มันเจ็บเกินที่นักมวยจะทนไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อน

เก่งก็ป่วยด้วยเหมือนกัน หนักด้วยใช่มั้ย เกิดอะไรขึ้น ?

เก่ง : เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น เป็นช่วงหลังล่าง

หนักถึงขั้นขนาดไหน ?

เก่ง : นอนติดเตียงอยู่เหมือนกัน ไม่กล้าพลิกตัว ไม่กล้าลุกไปไหน นอนทรมานร้องไห้ จะนั่งก็ไม่ค่อยได้ กินปุ๊ปก็ต้องนอนพักก่อนแล้วค่อยลุกขึ้นมาใหม่

เดินได้มั้ย ?

เก่ง : ถ้าเดินต้องมีคช่วยพยุงแล้วเราก็จะใส่ที่บล๊อกหลัง ทรมานมาก

ตุ้ม : ตุ้มกลัวเขาจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเพราะเขาบอกว่าเขาชาจากหลังลงมาถึงปลายเท้า แต่ให้กำลังใจว่าสู้นะไม่เป็นไรหรอก เราเป็นนักกีฬา เธอยังเด็กเดี๋ยวก็หาย

รักษายังไง นานมั้ย ?

ตุ้ม : เชื่อมั้ยว่าหลังยังไม่ทันหาย ปวดท้องอีก ไส้ติ่งมาต่อการรักษาคือลำบากมากหมอยังบ่นเลยว่าลำบากตรงข้างหลังเอากระเป๋าน้ำร้อนไปประคบ

ด้วยความที่มันชามันไม่รู้สึกอะไรเลยจนมันพุพอง หมอบอกว่าแล้วกายภาพจะเอาเครื่องจี้ไปได้ไงมันก็เจ็บ

ตอนนั้นนอยด์มากเลย รู้สึกเศร้าทุกครั้งที่เห็นพี่ตุ้มเดินออกจากบ้าน ?

เก่ง : เราก็กลัวเขาทิ้งเราเพราะเราทำอะไรไม่ได้ เราเหมือนนอนติดเตียง เราก็กลัวเราไปเป็นภาระเขา

ช่วงนั้นมันก็กังวลคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย จิตก็ตก ร้องไห้เพราะเราช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยตอนนั้น

พี่ตุ้มคิดจะเดินออกไปจากชีวิตเขามั้ยหรือเราตัดสินใจแล้วว่าเราจะต้องดูแลเขา ?

ตุ้ม : ไม่นะ ตุ้มเป็นคนที่ถ้าคิดจะรักใครหรือคบใครแล้วตุ้มจะหยุดอยู่ที่คนเดียวก็ให้สัญญาเขาว่าไม่ทิ้งไปไหนหรอก

ฉันก็ต้องไปทำงานนะ ต้องช่วยตัวเองก่อน ต้องเข็มแข็ง ฉันเข้มแข็งแต่ใจเธอก็ต้องเข้มแข็งด้วย

ขอบคุณข้อมูล: Orange Mama