เรียกได้ว่าทำเอาหัวอกคนเป็นพ่อแทบสลาย สำหรับ ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม หลังมีปลายสายแจ้งมาว่า น้องทะเล ชักจนหมดสติต้องรีบพาตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน โดยตูนได้เขียนข้อความร่ายยาวเอาไว้ว่า
“ไม่ได้เขียนไดอารี่แบบจริงจังมานาน…แต่วันนี้คิดว่าต้องเขียนอะไรบางอย่างเพื่อเป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งของชีวิต ออกเดินทางจากบ้านที่ภูเก็ตมาเล่นคอนเสิร์ตที่สต็อคโฮม เมื่อหัวค่ำวันที่26กันยายน
กว่าจะมาถึงที่สต็อคโฮมก็เป็นเช้าวันที่27กันยายน ถึงโรงแรมที่พักก็นอนต่ออีกหน่อยเพราะอ่อนล้าจากการเดินทางไกล มาตื่นอีกทีก็ช่วงบ่ายๆเย็นๆ ออกไปเดินสำรวจเมืองสต็อคโฮมและหาอะไรกินสักหน่อย
ระหว่างที่นั่งรอมื้อเย็น…ก็มีสายไลน์คอลจากน้องสันต์ น้องที่ทำงานมูลนิธิก้าวฯที่ลงมาอยู่ที่ภูเก็ตด้วยกัน ที่เรามักจะรบกวนน้องเค้าให้ช่วยดูแลครอบครัวเราเสมอในยามที่ผมต้องเดินทาง น้องเค้าโทรมาบอกว่า ทะเล มีอาการชักและหมดสติไป…ตอนนี้กำลังไปโรงพยาบาล!!
ตอนนั้นจำได้เลยว่าหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม…อยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้…เป็นห่วงลูกที่สุด นาทีนั้นอยากจะจับเครื่องบินไฟล์ทด่วนที่สุดเพื่อกลับบ้านให้ได้ หลังจากสายของน้องสันต์ไม่นาน ก็มีสายของพี่ก้อย
เพื่อนของเราที่ภูเก็ตที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด…ก็โทรมาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นและตอนนี้อาการทะเลเป็นอย่างไรบ้าง พอได้ยินจากพี่ก้อยว่าตอนนี้ทะเลไปถึงโรงพยาบาลถลางเรียบร้อยและเริ่มรู้สึกตัวแล้ว…ก็ทำให้เริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง
แต่ในใจก็ยังเป็นห่วงสุดๆ สายสุดท้ายของวันนั้นก็คือได้โทรวิดีโอไลน์คอลกับน้องก้อย และทะเล…ซึ่งภาพที่เห็นตอนนั้นก็คือทะเลได้ย้ายมาโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตแล้ว และสามารถพูดคุยได้และมีสีหน้าที่ดูไม่น่าที่จะต้องเป็นกังวล
แต่ใจเราเองก็ยังไม่สบาย…และยังอยากกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังกลับไม่ได้…ในเมื่อพรุ่งนี้ยังต้องขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลงที่สต็อคโฮม ระหว่างนี้ก็ได้แต่หวังใจว่าอาการของทะเลจะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้นมาอีก ตื่นเช้ามาอีกวันก็ไม่รีรอที่จะโทรถามไถ่อาการล่าสุดของทะเล…
ซึ่งก็ยังมีไข้สูงและต้องให้ยาฆ่าเชื้อผ่านทางสายน้ำเกลือ…แต่ได้เห็นทะเลเริ่มมีรอยยิ้มได้ก็เบาใจ และคิดว่าพร้อมที่จะขึ้นโชว์ในคืนนี้ที่มีคนตั้งใจมาเชียร์พวกเรากว่า2พันคน สุดท้ายโชว์ครั้งแรกของเรา @bodyslamband ที่สต็อคโฮมก็ผ่านพ้นไปด้วยความสุขและรอยยิ้มของทุกคน
ตลอดเกือบ3ชั่วโมงบนเวที…ไม่ง่ายเลยที่จะทิ้งความกังวลทุกอย่างลงได้หมด…แต่ในใจเราก็หวังเพียงอย่างเดียวว่าจะทำให้ทุกๆคนที่ตั้งใจมาเชียร์เราในคืนนี้ได้มีความสุขที่สุดให้ได้ นั่งพิมพ์ข้อความนี้บนเครื่องบินไฟล์ทแรกสุดที่จะเป็นไปได้เพื่อเดินทางกลับไปหาครอบครัว
ได้นั่งคิดและเข้าใจตัวเองมากขึ้นจากเหตุการณ์นี้เลยว่า นาทีนี้สิ่งที่สำคัญกับชีวิตมากที่สุดก็คือ ลูกๆภรรยาและครอบครัว ไม่ใช่ความสุขส่วนตัวของตัวเองอีกต่อไปที่จะทำให้เรายิ้มได้ หากแต่คือรอยยิ้มของทุกคนในบ้านต่างหาก
ที่จะตกกระทบมาให้เราได้มีความสุขจากการที่พวกเขาได้มีความสุข สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณใครบางคนที่ยังเมตตาให้เราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกัน ขอบคุณจริงๆครับ👨👩👧👦🌈🙏🧡”
ขอบคุณข้อมูล: artiwara