เรียกได้ว่าเมื่อที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ร่วมให้สัมภาษณ์ในรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ โดยพูดถึงประเด็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”
ซึ่งจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 เมษายน 2568 นี้ เริ่มจากประเด็นการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างรายได้มหาศาลภายในประเทศ
นายชูวิทย์กล่าวว่า นั่นเป็นข้ออ้าง สำหรับการนำกาสิโนเข้ามาในประเทศไทย โดยการพูดถึงประเด็นนี้ (นำเข้ากาสิโน) เกิดขึ้นก่อนหน้ารัฐบาลชุดปัจจุบันแล้ว
และมีการต่อต้านจำนวนมาก ซึ่งความตั้งใจในการสร้างรายได้มหาศาลในประเทศ อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่สิ่งที่จะตามมาคือ ปัญหาการฉ้อโกง หรือเรื่องการฟอกเงินที่มากขึ้น
รวมถึงมาตรการตรวจสอบผู้ใช้บริการสถานบันเทิงครบวงจร จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้นๆ จริงหรือ? และเมื่อไม่ได้ตรวจสอบ สุดท้ายจึงเกิดการฟอกเงิน แม้กระทั่งสิงคโปร์ที่เป็นประเทศที่กฎหมายดีที่สุด ยังพบปัญหาดังกล่าว
ส่วนประเด็นที่ทางรัฐบาลพยายามจะบอกว่าบริษัทกาสิโนระดับ มีระบบ Know-How หรือการป้องกันธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อปิดกั้นช่องทางการฟอกเงิน นายชูวิทย์กล่าวว่า โดยพื้นฐานของธุรกิจกาสิโน ไม่สามารถป้องกันได้
เพราะเมื่อนำเงินเข้ามาเล่น จะสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินมาจากไหนได้หรือ? ผมไม่เถียงเลยถ้ารัฐบาลจะจัดสร้างกาสิโน แต่ควรจะพูดอย่างตรงไปตรงมา
นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่า การสร้างสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีกาสิโน จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการผุดบ่อนการพนันเถื่อนในประเทศอีกจำนวนมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับความต้องการของทางรัฐบาลที่ต้องการปราบปรามการพนันแบบผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ได้กล่าวถึงประเด็น Monopoly หรือการผูกขาดตลาด ระบุว่า กาสิโนเป็นกิจการผูกขาดอยู่แล้ว หมายถึงว่ารัฐบาลต้องออกใบอนุญาตถึงจะเปิดบริการได้ ซึ่งเป็นกิจการเฉพาะ และต้องมีกรรมการมาควบคุม สิ่งที่จะเสียไป จะคุ้มกับสิ่งที่ได้มาหรือเปล่า?
ขอบคุณข้อมูล: สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว