เรียกได้ว่าวันนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับโครงการโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟสที่ 3 มีความชัดเจนแล้วว่าจะโอนเงินในไตรมาส 2 ปีนี้แน่นอน
ซึ่งทุกฝ่ายในที่ประชุมอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ได้แสดงความพร้อม ให้ความมั่นใจ ในเรื่องระบบล็อกเชน ด้านสถาบันการเงิน และธนาคารที่จะมาเชื่อมระบบก็ให้ความสนใจอย่างมาก
และให้ความร่วมมือในการเชื่อมระบบ โดยธนาคารใหญ่มากันครบ ทั้งนี้ รัฐบาลเตรียมผ่อนปรนเงื่อนไขการใช้จ่ายในโครงการจ่ายเงินดิจิทัลเฟสที่ 3 เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้ง่ายขึ้น โดยการจ่ายเงินเฟส 3 จะมีเม็ดเงินราว 1.5 แสนล้านบาท
ถือว่าเป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่จะไหลลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งได้มีการประเมินว่า ด้วยกลไกการจ่ายเงินที่จะมีความผ่อนปรนนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.37% และหากว่า มีการใช้จ่ายทั้ง 100% จะเพิ่มจีดีพีได้อีกไม่ต่ำกว่า 0.1%
สำหรับโครงการโอนเงิน 10,000 บาทนั้น
รัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้ว 2 เฟส โดยเฟสแรกเป็นการจ่ายเงินสดให้แก่กลุ่มเปราะบางและพิการจำนวน 1.45 แสนล้านบาท ต่อมาในเฟส 2 จ่ายเงินให้แก่ผู้สูงอายุอีก 30,000 ล้านบาท
กระทรวงการคลังได้ทำการประเมินผลการใช้จ่ายเงินในโครงการนี้ ซึ่งพบว่า 90% นำไปใช้จ่าย ส่วนที่เหลืออีก 10% นำไปใช้เพื่อชำระหนี้และเก็บออม อย่างไรก็ดี ในการใช้จ่ายถึง 90%นี้ ถือเป็นผลสำเร็จของโครงการที่ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ
รายละเอียดของโครงการโอนเงิน 10,000 บาท เฟส 3 รวมถึงการเปิดลงทะเบียนรับเงิน 10,000 บาทของกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน (นอนสมาร์โฟน) จะต้องรอให้คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบก่อน ซึ่งคาดว่า น.ส.แพทองธาร จะนัดประชุมช่วงสิ้นเดือนก.พ.นี้
“ยืนยันว่า เงิน 10,000 บาทในเฟสที่ 3 จะไดเรับเป็นเงินดิจิทัล ใช้จ่ายผ่านวอลเล็ต ส่วนกลุ่มนอนสมาร์ทโฟนนั้น ไม่ได้รวมอยู่กับกลุ่มเฟสที่ 3 เพราะไทม์ไลน์นั้นเหลื่อมกันอยู่ แต่อาจจะทำการโอนเงินให้ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน”
ส่วนกรณีวงเงินโครงการโอน 10,000 บาท จะใช้แค่ 1.5 แสนล้าน หรือรัฐบาลจะมีการเพิ่มงบประมาณอีกหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ขอให้รอฟังมติของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจดีกว่า