เอกราช ผู้เชี่ยวชาญระบบ GPS มั่นใจพิรุธเรือ 8 จุด สวนคำให้การ

เรียกได้ว่าวันนี้ที่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งเเวดล้อม นัดหมาย นายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS

เข้าให้ข้อมูลเรื่องจุดแผนที่ของเรือสปีดโบ๊ตคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงสาวชื่อดัง โดยนายเอกราช นามโภคิน โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งที่สองที่ตนเข้าพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพราะในครั้งแรกยังคงมีรายละเอียดจำนวนมาก

อาทิ เรื่องข้อพิรุธจาก GPS ที่ได้วิเคราะห์และรวบรวมนั้น ตนได้ใช้เวลาเกือบ 3 ปี ดังนั้น วันนี้ทางดีเอสไอจะได้เอาข้อมูลทั้งหมดของตนที่วิเคราะห์แล้วกลับไปใช้กับโปรแกรมซอฟท์แวร์ของดีเอสไอเองเพื่อไปวิเคราะห์ต่อได้ ซึ่งตนไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เห็นข้อพิรุธของ GPS 20-30 จุดดังกล่าว

แต่ดีเอสไอเองก็พบเหมือนกัน วันนี้จึงต้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากสิ่งที่ยังไม่ได้คุยในครั้งแรก โดยในวันนี้จะได้คุยทั้งหมดกับดีเอสไอ ทั้งจุดข้อพิรุธ จุดที่น่าสงสัย เพราะถ้าดีเอสไอมีการออกเลขคดีพิเศษเมื่อใดก็จะสามารถนำสืบต่อจากสิ่งที่เราวิเคราะห์ไว้ได้ว่าเป็นข้อพิรุธ ดังนั้น วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ตนได้ส่งมอบข้อมูลแก่ดีเอสไอ

นายเอกราช กล่าวต่อว่า สำหรับจุดพิรุธของ GPS ที่เราโฟกัสจริงๆ มีประมาน 8 จุด แต่ส่วนที่เหลือจะได้เอามาประกอบส่วนที่เราสงสัยให้มีน้ำหนัก เช่น จุดวัดค้างคาว จริงๆ แล้วจุดนี้มีคำถามว่าใครเป็นคนขับเรือ และขับมาทำไม มันก็จะมีข้อพิรุธของ GPS ก่อนที่จะเอาเรือไปเก็บเพื่อให้น้ำหนักในจุดวัดค้างคาวว่าจริงๆ แล้วมีความเชื่อมโยงกัน

ดังนั้น ดีเอสไอสามารถนำสืบในส่วนนี้ต่อไปได้ นอกจากนี้ ในส่วนของข้อมูลที่วิเคราะห์ระบบ GPS ของเรือที่มีทั้งความเร็วแต่ละจุดแต่ละช่วงว่าเรือใช้ความเร็วกี่นอต ถึงมีส่วนสำคัญในการไขคดีได้นั้น ตนขออธิบายว่า เรื่องความเร็วเรือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ไขคดีได้คือข้อพิรุธจากการที่บุคคลได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้

เพราะการจับผิดไม่ยากเลยถ้าเรามี GPS ของจริง ดังนั้น เวลามีการให้สัมภาษณ์ข่าว หรือให้การใดๆ เราก็จะนำส่วนนี้มาเปรียบเทียบดูกับ GPS ว่าพูดถูกต้องไหม ตำแหน่งถูกต้องหรือไม่ สิ่งที่เราทำก็คือไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรูปภาพ หรือการให้การ เราจะเอามันมาจับคู่กับ GPS สิ่งที่เราเห็นเลยก็คือบางตำแหน่งที่มีการแถลงข่าวหรือนำรูปภาพมาใช้ออกรายการ

มันไม่ตรงกับความเป็นจริง 2-3 ภาพ และยังมีกล้องวงจรปิดที่เวลาเปลี่ยนไปด้วย จึงขอยืนยันอีกครั้งว่า GPS ไม่ได้ถูกแก้ไข แต่สิ่งที่จะเอามาประกอบกับ GPS นี่แหละที่มีการแก้ไขแล้วมันไม่ตรงกันกับ GPS ย้ำว่าเราไม่ใช่นักสืบที่จะมาจับผิดอะไร แต่ข้อมูลทั้งหมดมันอยู่บนหน้าสื่ออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้เห็นข้อมูล GPS ของจริง

นายเอกราช กล่าวด้วยว่า สำหรับ GPS ของตนที่ได้วิเคราะห์แล้ว และ GPS ของดีเอสไอนั้น มันมี 2 ส่วน คือ ไฟล์ Raw Data หรือไฟล์ข้อมูลดิบ ที่เราดึงออกจาก GPS บนเรือลำเกิดเหตุ ซึ่งเป็นไฟล์เดียวกับที่ตำรวจมี ซึ่งเราก็ได้ชุดนี้มาจากศาล ตามที่มีการขอมา และของดีเอสไอก็เป็นชุดเดียวกัน

ส่วนสิ่งที่แตกต่างก็คือซอฟท์แวร์ที่จะเอาข้อมูลมาใส่ลงและดูว่าเรือไปทางไหนยังไง ดังนั้น ซอฟท์แวร์ที่เราได้วิเคราะห์มา 3 ปี คือซอฟท์แวร์ที่เราได้พัฒนาขึ้น ตรวจสอบแล้วตรงกับต้นฉบับ และทางดีเอสไอก็มีซอฟท์แวร์ของเขาเอง ซี่งจะลึกลงไปอีก เมื่อนำทั้งหมดมาประกอบกัน เราจะได้ข้อเท็จจริง 100% แบบที่ไม่ต้องมาโต้แย้งกันว่าอันไหนถูกอันไหนผิด

นายเอกราช กล่าวอีกว่า สำหรับระบบซอฟท์แวร์ ของตนจะเน้นการดูเวลา สถานที่ ความลึกเรือ ส่วนของดีเอสไอจะเน้นการดูภูมิประเทศที่ได้มากกว่านั้น อาจเป็นจุดที่ลึกกว่า แต่เราโฟกัสที่ตำแหน่งกับเวลาเป็นหลัก โดยตนโฟกัสตั้งแต่ต้นยันจบ คือ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึง 03.03 น. ณ วันเกิดเหตุ

แต่ในตอนแถลงข่าวเหมือนจะสิ้นสุดแค่ตอนเอาเรือไปเก็บประมาณเวลา 01.00 น. แต่เมื่อเราได้ข้อมูลจริงมาจึงเห็นว่ามันมีการเดินเรือหลังเวลา 01.00 น. ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความเร็วเรือ 38 นอต แล้วก็ยังไปที่วัดศาลาลี วัดค้างคาวอีก 1 ชม. ก่อนจะเอาเรือเข้าเก็บ แล้วสิ้นสุดการเดินเรือ

ดังนั้น มันน่าสงสัยตั้งแต่มีการให้ข่าวว่าหลังจากเก็บเรือไปแล้ว ไม่มีใครเอาเรือออกมาอีกเลย มันผิดสังเกต เราเลยอยากรู้ว่ามันมีอะไรหลังจากนั้นหรือไม่ พอเราเห็นแล้วจึงนำมาประกอบกับหลักฐานต่าง ๆ ที่มีคนส่งมาให้ เเต่เราต้องคัดกรองให้ได้สิ่งที่มีที่มาที่ไปจริงๆ

วันนี้ที่เอาข้อมูลมาคุยกับดีเอสไอคือกรองแล้ว 40-50% จึงเหลือแค่จุดสำคัญจริงๆ ที่มีการระบุว่ามีการแก้ไขเวลา สถานที่ไม่ตรง และระบุได้ชัดเจนว่าบนเรือมีกี่คนก่อนเวลาแตงโมตกเรือ และที่มีการแถลงข่าวว่ามีเงาอยู่ตรงท้ายเรือ และเงาหายไปคาดว่าแตงโมตกตรงนั้น

แต่เราสามารถพิสูจน์ได้ จึงเอามาให้ดีเอสไอว่าเงาที่หายไป ไม่ได้หายไปทางด้านซ้าย (กาบเรือด้านซ้าย) ตามที่มีการให้ข่าว แต่เงาขึ้นไปบนเรือชัดเจน จึงไม่มีเงาหรือคนตกจากด้านท้ายเรือ